ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณาแบบครบวงจรตามโครงการปลูกป่าเพื่อสิ่งแวดล้อมโลก ไม้กฤษณา (Aquilaria) เป็นไม้ในตำนานที่กล่าวขวัญกัน มาช้านานทั้งในฐานะ “ของที่มีค่าหายาก”
1. โครงการปลูกป่า Agarwood Plantation For Global Environment Project.F.1
2. โครงการปลูกป่า Agarwood Plantation For Global Environment Project F.2
3. โครงการสนามกอล์ฟไม้กฤษณา Krisana Golf and Country Resort
แจ้งข่าวถึงสมาชิกชมรมไม้กฤษณา
1. ให้สมาชิก ติดต่อกลับมาที่เบอร์
081-3998095
081-1719776
094 -4929555
039-591-684 เพื่อส่งข้อมูล
2. แจ้งเรื่องย้ายที่ตั้งสำนักงานใหม่
รายละเอียดที่หัวข้อ ข้อมูลข่าวสาร ด้านล่าง
บ่อไร่กฤษณาเป็นผู้ผลิตสารกระตุ้นต้นไม้กฤษณา สูตร C.B.G.ที่ทำให้เกิดน้ำมันกฤษณา และไม้แก่นกฤษณาที่ดีที่สุดในโลก
สูตรคำนวณปริมาตรไม้ ปริมาณการ ใช้สาร C.B.G.ได้อย่างแม่นยำเลย ทำให้เราคำนวณค่าใช้จ่ายออกมาได้เลย
ผลิตและส่งออกสารกระตุ้นให้เกิดสารน้ำมันกฤษณา, ไม้แก่นกฤษณา, สูตรชีวภาพ CBG., น้ำมันกฤษณา, รับซื้อต้นไม้กฤษณาที่ปลูกขึ้นในที่ดินกรรมสิทธิ์และต้นไม้กฤษณาพันธุ์ดี, รับปรึกษาเรื่องไม้กฤษณาทุกกรณี
ถังบรรจุ C.B.G. ถังน้ำหนักสุทธิ 42 กก.ราคาถังละ 10,000 บาท ลด 15% เฉพาะสมาชิกในประเทศไทย
1.ให้สมาชิก วิสาหกิจชุมชนรมไม้กฤษณา(ไม้หอม) แห่งประเทศไทย ติดต่อกลับมา ที่เบอร์ 081-3998095,081-1719776,094 -4929555 ,039-591-684 เพื่อส่งข้อมูลในการปลูกไม้กฤษณา เพราะมีสมาชิกหลายท่านที่ติดต่อไม่ได้ มีการเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์
2. สำนักงานห้างหุ้นส่วน บ่อไร่กฤษณา จะย้ายสำนักงานใหม่ไปที่ตั้งโรงกลั่นน้ำมันกฤษณา เลขที่ 45/1 หมู่ 1 ต.นนทรีย์ อ.บอไร่ จ.ตราด ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2557 เป็นต้นไป
039-510838, 039-510-839, 081-3998095, 094-4929555 แฟกซ์ 039-510839
3. สำนักงานวิสาหกิจชุมชนชมรมไม้กฤษณา(ไม้หอม)แห่งประเทศไทย จะย้ายสำนักงานไปที่ เลขที่ 45 หมู่ 1 ต.นนทรีย์ อ.บ่อไร่ จ.ตราด หรือในสโมสรชมรมไม้กฤษณา แห่งประเทศไทย
( เฉลิมชัย สมมุ่ง )
ประธานวิสาหกิจชุมชนชมรมไม้กฤษณา(ไม้หอม)แห่งประเทศไทย
หมายเหตุ : ราคานี้เป็นราคา FOB ณ.สถานที่เพาะเลี้ยงพืชอนุรักษ์ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด บ่อไร่กฤษณา อ.บอไร่ จ.ตราด ตามทะเบียนเลขที่ 12/2550 ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และสามารถส่งออกไปได้ทั่วโลกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
หมายเหตุ : สูตรนี้เป็นความลับให้ใช้เฉพาะในหน่วยงานของ หจก.บ่อไร่กฤษณาเท่านั้น
( เฉลิมชัย สมมุ่ง )
ประธานวิสาหกิจชุมชนชมรมไม้กฤษณา(ไม้หอม)แห่งประเทศไทย
ไม้กฤษณากับกฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุสัญญาไซเตส กฤษณากับอนุสัญญาไซเตส ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับไม้กฤษณา อนุสัญญาไซเตส (CITES) หรืออนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Wild Flora)
ที่มาของประกาศกฏกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการขออนุญาตตั้งโรงกลั่นน้ำมันกฤษณา ดาวน์โหลด
ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ.2552 ดาวน์โหลด
Phytochemical and antimicrobial screening of extracts of Aquilaria agallocha Roxb. ดาวน์โหลด
Sedative effects of vapor inhalation of agarwood oil and spikenard extract and identification of their active components ดาวน์โหลด
The Use and Trade of Agarwood in Japan ดาวน์โหลด
ประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพ การประชุมของอนุสัญญาไซเตสโลก ครั้งที่ ข้อมูลของการประชุมเมื่อวันที่ 31 สค.55 และประเทศไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพการประชุมของอนุสัญญาไซเตสโลก ครั้งที่ 16 ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกทั่วโลก 175 ประเทศ ดาวน์โหลด
Price Of Agarwood Chips – Updated on June,2014 (มิถุนายน 2557)
ผลงานการผลิตไม้กฤษณาและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของห้างหุ้นส่วนจำกัดบ่อไร่กฤษณา
คลังภาพผลงานการตรวจเยี่ยมสวนไม้กฤษณาของสมาชิกทั่วประเทศ
กิจกรรมและโครงการต่างๆ ของชมรมไม้กฤษณาแห่งประเทศไทย อ.เฉลิมชัย สมมุ่ง ประธานวิสาหกิจชุมชนชมรมไม้กฤษณา (ไม้หอม) แห่งประเทศไทย
เป็นไม้ในตำนานที่กล่าวขวัญกัน มาช้านานทั้งในฐานะ
“ของที่มีค่าหายาก”
จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2546 ทุนจดทะเบียน 25,000,000.00 บาท เป็นผู้รับงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ทั้งของรัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นผู้ผลิตสารกระตุ้นต้นไม้กฤษณา สูตร C.B.G.ที่ทำให้เกิดน้ำมันกฤษณา และไม้แก่นกฤษณา ที่ดีที่สุดในโลก
ผู้ก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดบ่อไร่กฤษณาและประธานชมรมไม้กฤษณาแห่งประเทศไทย
President of Agarwood Plantation For Global Environment Project
President Krisana Community of Thailand
Managing Director (MD.) Borai Krisana Limited Partnership
Line ID : chalermchai.1110
Email: chalermchai.thaikrisana@gmail.com ,chalermchai.borraikrisana@gmail.com
Mobile : 081-3998095 , 081-1719776, 094-4929555
Office : 039-591684-5 Fax 039-591685
กฤษณา เป็นไม้ประจำจังหวัดตราดเป็นไม้ที่มีการกล่าวขวัญกันมายาวนานนับแต่ครั้งพุทธกาลในฐานะ “ของที่มีค่าหายาก” เป็นที่ต้องการของสังคมชั้นสูงทั่วโลกและ “ราคาแพงดั่งทองคำ”
กฤษณา เป็นไม้ประจำจังหวัดตราดเป็นไม้ที่มีการกล่าวขวัญกันมายาวนานนับแต่ครั้งพุทธกาลในฐานะ “ของที่มีค่าหายาก” เป็นที่ต้องการของสังคมชั้นสูงทั่วโลกและ “ราคาแพงดั่งทองคำ” เป็นหนึ่งในของหอมธรรมชาติสี่อย่างที่เรียกว่า “จตุรชาติสุคนธ์” (กฤษณา กะลำพัก จันทน์ และดอกไม้)ไม้ กฤษณาเป็นสินค้าต้องห้ามของประชาชนทั่วไปเพราะมีกฎหมายให้ค้าขายได้เฉพาะ กษัตริย์มาตั้งแต่โบราณ ตั้งแต่ต้นกรุงศรีอยุธยา ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ไม้กฤษณาถูกใช้เป็นเครื่องราชบรรณาการ และเป็นสินค้าไปเมืองจีนมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สรรพคุณของกฤษณาทั้งด้านความหอมและสรรพคุณสมุนไพรแพร่กระจายไปถึงคาบสมุทร อาหรับในตะวันออกกลาง อาณาจักรกรีก โรมัน อียิปต์โบราณและทั่วทั้งเอเชียไม้กฤษณา เป็นสินค้าที่ซื้อขายกันแพงมาก ผลผลิตจากต้นกฤษณาซึ่งมีเฉพาะในเอเชีย โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น “ไม้กฤษณา” จึง เป็นสัญลักษณ์ตะวันออกและสุวรรณภูมิหรือประเทศไทยในปัจจุบัน คนไทยสมัยโบราณ นิยมนำไม้กฤษณามาเผาไฟเพื่ออบห้องให้มีกลิ่นหอม จากเอกสารบันทึกของบาทหลวง ตาซาร์ด ซึ่งเข้ามาอยู่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้กล่าวไว้ว่า “บนเส้นทางที่ผ่านไปนั้นหอมฟุ้งจรุงฆานด้วยกลิ่นไม้กฤษณา อันเป็นพรรณไม้ที่มีค่ามากและมีกลิ่นหอมหวน”
ปัจจุบันชาวอาหรับ คนมุสลิม และคนจีน ยังนิยมใช้ไม้กฤษณาเผาเพื่อทำให้เกิดกลิ่นหอมใน ปัจจุบันมีประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่สามารถส่งผลผลิตและผลิตภัณฑ์ไม้กฤษณา ออกไปจำหน่ายทั่วโลกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและตามสนธิสัญญาไซเตส เพราะประเทศไทยมีการปลูกไม้กฤษณาเป็นจำนวนมาก และเริ่มปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 แล้ว มีระบบปลูกที่พัฒนาขึ้นจนปัจจุบันสามารถใช้ระบบชีวภาพกระตุ้นให้เกิดสาร กฤษณาในต้นกฤษณาได้ จนเป็นที่ยอมรับของตลาดทั่วโลกและได้ขึ้นทะเบียนไม้ที่ปลูกกับไซเตสไว้ ครั้งแรกจำนวน 7,404,452 ต้น ซึ่งปัจจุบันมีการปลูกทั่วประเทศประมาณ 15 ล้าน ต้น และไม่เพียงพอกับตลาดที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เพราะปัจจุบันไม้กฤษณาที่มีอยู่ในธรรมชาติได้ถูกโค่นเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะ เขตอุทยานเขาใหญ่
ไม้ฤษณาเป็นไม้ในตระกูลไธเมลลาอีซีอี (Thymelaeaceae) และสกุลเอควิราเรีย (Aquilaria) ลำต้นขนาดปานกลาง แต่ถ้ามีอายุมากจะมีลำต้นขนาดใหญ่เป็นไม้เนื้อค่อนข้างอ่อน แต่เมื่ออายุมากแล้วจะมีลักษณะเนื้อไม้ค่อนข้างแข็งสีเหลืองมีลายสวยงาม เปลือกลอกง่าย ลำต้นตรง สีค่อนข้างแดงผิวเป็นเม็ดตุ่มเล็กๆสีแดง-ดำ เทา เขียวอ่อน เป็นไม้โตเร็ว
ปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 16 สายพันธุ์ ตามข้อกำหนดการประชุมกฤษณาโลกครั้งที่ 1 ประเทศเวียดนาม ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้
อ่านต่อ
กรรมวิธีเพาะเมล็ด แช่เมล็ดกฤษณาในน้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 35-40 องศาเซลเซียส
การขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเนื้อเยื่อ (Tissue)
ต้นกล้าที่จะปลูกควรมีอายุตั้งแต่ 10-12 เดือนขึ้นไป หรือสูงตั้งแต่ 50 ซ.ม. ขึ้นไป และพื้นที่ปลูก ควรเป็นดินร่วนปนกรวด และเป็นพื้นที่ที่น้ำถ่ายเทได้สะ ดวก ไม่เป็นที่ลุ่มถ้าเป็นพื้นที่ลาดเนินเขายิ่งดี กล้าไม้ที่จะนำไปปลูกต้องนำ ไปตากแดดเพื่อให้ต้นแข็งแรง ประมาณ 1 เดือนเป็นอย่างต่ำ จะทำให้อัตราการเจริญเติบโตสูง และไม่ตายในระหว่างการปลูกการนำกล้าไม้กฤษณาออกไปตากแดดเพื่อเตรียม ความแข็งแกร่งก่อนนำไปปลูก 1 เดือน
การกำจัดวัชพืชต่างๆ การกำจัดวัชพืชต่างๆที่อยู่ใกล้โคนไม้หอมโดยการตัดหรือถางออก ใช้ผ้ายางขนาด 1ม.x1ม. คลุมบริเวณโคนต้น วัชพืชเริ่มตายแล้วก็เอาผ้ายางออก ถ้าคลุมไว้นานโคนเน่าได้ ไม่ควรใช้ยากำจัดวัชพืชโดยเฉพาะที่เป็นยาดูดซึม เช่น ไกลโฟเซต แปลงที่ใช้สารเคมี ยาฆ่าหญ้า ทำให้ใบเหลืองอาจตายได้ สวนไม้กฤษณาควรงดเว้นการใช้สารเคมี
สารกระตุ้นการเกิดกฤษณา (เรซิน) ใช้กระบอกอัดสาร C.B.G.แล้วอัดให้เต็มรูที่เจาะทุกรูให้ทั่ว ขั้นตอนนี้สำคัญมากในการปลูกไม้หอม เพราะเป็นขั้นตอนที่ทำให้เกิดผลประโยชน์มาก หรือน้อย ขึ้นอยู่กับขั้นตอนน การเจาะ ต้องวัดความสูงจากพื้นดินบริเวณโคนต้น ประมาณ 50 ซ.ม. แล้วใช้ดอกสว่านเจาะเหล็กขนาดตั้งแต่ 5, 4, 3 หุล ตามลำดับความโตของต้นไม้ โดยเจาะเอียงขึ้นตามแนวตั้งของต้นไม้เอียงขึ้น 30 องศา ห่างกันช่องละ 4 นิ้ว รอบและทั่วทั้งลำต้น โดยเจาะถึงศูนย์กลางลำต้น และควรเจาะในฤดูฝน หรือในขณะมีอากาศชุ่มชื้น
ปัจจุบันมี 2 รูปแบบคือ
1.แบบที่ไม่ได้ปลูกเข้าร่วมโครงการปลูกป่าเพื่อสิ่งแวดล้อมโลก
2.แบบที่ปลูกเพื่อเข้าร่วมโครงการปลูกป่าเพื่อสิ่งแวดล้อมโลก(เป็นโครงการหลักของ หจก.บ่อไร่กฤษณา)
การเก็บเกี่ยวแบบที่ 1 แบบที่ไม่ได้ปลูกเข้าร่วมโครงการปลูกป่าเพื่อสิ่งแวดล้อมโลก การเก็บเกี่ยวแบบนี้เป็นวิธีเป็นวิธีการแบบดั้งเดิมของทาง หจก.บ่อไร่กฤษณา ซึ่งหลังจากปี พ.ศ.2555 จะไม่มีการเก็บเกี่ยวแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
อ่านต่อเมื่อแยกเกรดไม้ได้แล้วก็ให้สับไม้กฤษณาเป็นชิ้นเล็กๆ บางๆ แล้วนำไปผึ่งลมให้แห้ง อย่านำไปตากแดดจัดมาก จะทำให้น้ำมันกฤษณาระเหยได้ ใช้เวลาประมาณ 3 วันจะแห้ง แล้วนำไปเข้าเครื่องบดให้ละเอียด แล้วนำไปหมักในโอ่ง โดยการใช้น้ำสะอาดและบริสุทธิ์เท่านั้น ในอัตราส่วน 1: 1 คือ ผงไม้กฤษณา 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร หรือตามลักษณะของเนื้อไม้กฤษณา (เทคนิครายละเอียด) โดยใช้ผงไม้กฤษณา จำนวน 10 – 15 กิโลกรัม ตามขนาดของหม้อต้มกลั่นหมักนานประมาณ 10 วัน (ส่งตะวันออกกลาง)
ไม้กฤษณาหรือไม้หอม ซึ่งชาวอาหรับหรือตะวันออกกลาง ขนานนามว่าไม้มหาเศรษฐี เป็นไม้ที่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตดีมาก เพราะทั้งต้นรวมทั้งราก, เปลือก, ใบ ใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด เช่น
ลำต้นใช้สาร C.B.G.กระตุ้นให้เกิดสารน้ำมันกฤษณา ที่ใช้ในการกลั่นน้ำมันกฤษณา และ ไม้แก่นกฤษณา นำไปกลั่นเป็นน้ำหอม ซึ่งราคาขาย ปัจจุบัน 1 แบนแม่โขงละประมาณ 150,000 – 170,000 บาท หรือถ้าคุณภาพดีราคาเกือบแบนละ 300,000 บาท หรือโตร่าประมาณ (12.5 ซีซี) ละประมาณ 5,000 – 10,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่แพงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต เมื่อประมาณ 4 – 5 ปี ที่ผ่านมา ราคาแบนละประมาณ 50,000 – 60,000 บาท และอนาคตราคากำลังทวีขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันตลาดน้ำหอมขาดแคลนอย่างมาก เพราะปัจจุบันน้ำหอมหรือน้ำมันกฤษณาไม่ได้ใช้เฉพาะตะวันออกกลางหรืออาหรับ แต่ปัจจุบันเป็นที่ต้องการของตลาดยุโรป เพื่อใช้เป็นหัวน้ำเชื้อน้ำหอมตลาดญี่ปุ่น เพื่อใช้เป็นส่วนผสมของยา ผงธูป ตลาดประเทศอินเดียใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา และผงธูป นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องการน้ำมันกฤษณา และผลิตภัณฑ์ของไม้กฤษณา เช่น ส่วนที่เหลือจากการกลั่นน้ำมันสามารถนำมาเป็นผงธูปซึ่งมีราคาค่อนข้างแพงได้ ส่วนต่างๆ ที่มีการรวมตัวของน้ำมันกฤษณาจำนวนมาก หรือเรียกว่าไม้แก่น ก็จะขายเป็นกิโล คือราคาตั้งแต่กิโลละ 15,000 – 200,000 บาท ซึ่งแยกตามคุณภาพของเนื้อไม้